ปาล์มมี่+ฟรีฟอร์ม 4,สิงหาคม

“มีหนังสือแบบนี้ด้วยอ่ะ! ฟรีฟอร์ม...
อืมม ...มี่ว่าสดใสน่ารักดีนะ มี่ชอบ”
ปาล์มมี่
ปาล์มมี่
ปาล์มมี่
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ปาล์มมี่ น่ารักจัง
รีบๆ อ่านเรื่องน่ารักของปาล์มมี่ ในฟรีฟอร์ม 4 นะจ๊ะ
ผู้ฟังชาวไทยและชาวต่างประเทศจำนวนมาก ที่อยากสัมผัสความเป็น รอดนีย์ สมิธ ด้วยหูด้วยตาตัวเอง ในวันนั้น จนที่นั่งในห้องออดิทอเรียมเต็มหมดทุกที่ จึงมีมิตรรักแฟนเพลงอีกจำนวนไม่น้อยล้นออกมานอกห้อง ทางสถาบันจึงได้จัดหาจอมอนิเตอร์ไว้ตรงพื้นที่ด้านนอกให้ด้วย เรียกว่าแบ่งกันฟังแบ่งกันชมไป
เหตุใดจึงมีผู้คนสนใจใคร่รู้เรื่องราวเกี่ยวผู้ชายคนนี้มากมายขนาดนั้นหรือ?
ช่างภาพแห่งช่างภาพ
รอดนี่ย์ สมิธ เป็นช่างภาพฝีมือยอดเยี่ยมที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงสุด สั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียงด้านการถ่ายภาพมานานกว่า 30 ปี รอดนีย์ สมิธ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเมื่อปี 1970 และจบปริญญาโทสาขาเทววิทยา (Theology) จากมหาวิทยาลัยเยลในปี 1973 ขณะที่ศึกษาอยู่ที่เยล รอดนีย์ สมิธ ยังมีโอกาสเรียนวิชาถ่ายภาพในชั้นเรียนของ วอล์เกอร์ อีแวนส์ ช่างภาพชื่อดังระดับตำนานของโลก รวมทั้งเป็นบรมครูของช่างภาพชื่อดังจำนวนมากของโลกด้วย
หลังเรียนจบ รอดนีย์ สมิธ ทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ถ่ายภาพอยู่ในนิวยอร์คหลายปี ควบคู่ไปกับงานสอนหนังสือที่เยล จนกระทั่งได้รับดีกรี “ศาสตราจารย์” จากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย
นอกเหนือจากงานสอนหนังสือ สมิธยังมีชื่อเสียงในฐานะช่างภาพโฆษณาสินค้าชื่อดัง ลูกค้าส่วนใหญ่ของรอดนีย์ สมิธ นอกจากสินค้าแฟชั่นเฮาส์ชื่อดังแล้ว ก็ยังเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งในและนอกอเมริกาอย่าง อาทิ Bergdorf Goodman, Saks Fifth Avenue, Neiman Marcus, Ralph Lauren, Ellen Tracy,American Express, I.B.M., H.J Heinz, Merrill Lynch, the New York Stock Exchange, B.M.W., Starbucks Coffee , MCI Worldcom, VISA,สถาบันนิวยอร์คซิตี้บัลเลต์,รวมทั้งนิตยสารนิวยอร์ไทม์,นิตยสารดับเบิ้ลยู และนิตยสาร House Beautiful
ตลอดการทำงานสามสิบปีที่ผ่านมา รอดนีย์ สมิธ สามารถคว้ารางวัลถ่ายภาพได้มากถึง75 รางวัล ผลงานภาพถ่ายของ สมิธ ได้รับการจัดแสดงอยู่ตามแกลอรี่ชั้นนำทุกแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Museum of Modern Art , New York Metropolitan Museum of Art, New York Museum of Fine Arts, Boston Dana Corporation, Essex House, New York Centre Solutions, Pennsylvania รวมถึงแกลอรี่ Zur Stockeregg ในเมืองซูริก สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้รับยกย่องให้เป็นแกลอรี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20 ด้วย นักสะสมงานศิลปะจากตระกูลมหาเศรษฐีชื่อดังของอเมริกา อย่างคาร์เนกี้,ร็อกกี้เฟลเลอร์และวิทนีย์ ต่างนิยมจับจองงานของรอดนีย์ สมิธ เก็บไว้ในคอลเลคชั่นของครอบครัวอยู่เสมอ
รอดนีย์ สมิธ มีหนังสือรวบรวมผลงานภาพถ่ายออกวางจำหน่ายหลายเล่ม นับตั้งแต่ปี 1975 หลังจาอเขาได้รับทุนจาก มูลนิธิเยรูซาเล็ม (Jerusalem Foundation) ให้ไปพำนักและทำงานอยู่ในกรุงเยรูซาเลมเป็นเวลาสามเดือน ผลจากการทำงานครั้งนี้คือหนังสือเล่มแรกของเขา In the Land of Light จัดพิมพ์โดยบริษัท ฮิวจ์ตัน-มัฟฟิน ในปี 1983 ตามมาด้วยหนังสือเล่มที่สอง The Hat Book ซึ่งทุกภาพในเล่ม “แบบ” ทุกคนสวมหมวก จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดับเบิ้ลเดย์ ในฤดูฝนปี 1993
ปัจจุบัน รอดนีย์ สมิธ สอนถ่ายภาพอยู่ที่สถาบันซานตา เฟ โฟโต้กราฟฟิก เวิร์คช๊อป ในนิวแม๊กซิโก และยังเดินทางไปรอบโลก เพื่อรับหน้าที่วิทยากรบรรยายเรื่องการถ่ายภาพให้กับผู้ฟังทั่วโลก หลายครั้งที่เขากลับไปบรรยายให้ความรู้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเยล ซึ่งเขาเคยศึกษาอยู่ สมิธอยู่กับภรรยาและลูกสาวในสนีเดนส์ แลนด์ดิง ชุมชนเล็กๆ ในฮัดสัน ใกล้กับเมืองนิวยอร์ค
อ่อนหวาน ตลก เหนือจริงและ...
นักวิจารณ์ศิลปะ กล่าวถึงสไตล์ภาพถ่ายของรอดนี่ย์ สมิธ ว่ามักจะถ่ายทอดอารมณ์อ่อนหวาน โรแมนติก ความขัดแย้ง ความขบขันเชิงเสียดสี หรือแม้แต่ความประหลาดใจที่ชวนให้นึกถึงความหลัง และจินตนาการอันไร้ขอบเขต
งานภาพของ รอดนีย์ สมิธ มักจะสร้างตราตรึงใจให้กับผู้ชมได้อย่างชะงัด ไม่ว่าจะด้วยองค์ประกอบของฉากตระการตา หรือแสง เงา ที่แม่นยำ งดงามแบบไร้ที่ติ “กล้องทำให้ผมมองเห็นโลกได้ชัดเจนกว่าสายตามนุษย์ สไตล์การทำงานของผม เป็นการทำงานแบบผู้ตาม ไม่ใช่ผู้นำ” และที่มาของภาพสวยงามเหล่านี้ รอดนีย์ สมิธ มักจะมีเพียงกล้อง 35 มิลลิเมตร เลนส์ธรรมดา ความยาวโฟกัสปกติ และแสงธรรมชาติเท่านั้นที่เป็นเคล็ดลับความสำเร็จ สมิธต้องการใกล้ชิดกับสิ่งที่เขาจะถ่ายภาพให้มากที่สุด เขาจึงปฏิเสธที่จะใช้อุปกรณ์เสริมอื่นๆช่วยในการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นแฟลช ที่วัดแสงหรืออุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ต่างๆ อย่างสิ้นเชิง
สไตล์การถ่ายภาพของรอดนีย์ สมิธ ได้รับอิทธิพลมากจากศิลปะแนวเหนือจริง(Surrealism) ตัวอย่างเห็นได้ในงานภาพถ่ายชื่อ Tree Men with Shears no.1,Reims,France,1997 เป็นภาพชาย 3 คนในสูทสีดำและสวมหมวกทรงสูง ยืนหันหลังในทุ่งแปลงผักอันกว้างใหญ่ ในมือแต่ละคนถือกรรไกรตัดต้นไม้คนละคู่ ภาพนี้คล้ายภาพวาดเซอร์เรียลลิสต์ โดย รอดนีย์ สมิธ จับคู่ชายสามคนกับวัตถุและสภาพแวดล้อม สะท้อนออกมาเป็นลัญลักษณ์ของศิลปะเซอร์เรียลลิสต์อย่างชัดเจน
ช่วงหลัง รอดนี่ย์ สมิธเริ่มหันมาถ่ายภาพสีด้วยเช่นกัน โดยถ่ายภาพโฆษณาเป็นหลัก ในช่วงหนึ่งของการบรรยาย รอดนี่ย์สมิธบอกว่า สายตาของกล้องทำให้เขามองเห็นโลกได้ชัดเจนกว่าสายตามนุษย์ และช่างภาพอย่างเขาไม่ใช่ผู้นำแต่เป็นผู้ตามเสียมากกว่า
“สิ่งสำคัญที่สุดของการถ่ายภาพ คือมันไม่ต้องตอบคำถามอะไรให้กับเรา ตลอดชีวิตผมไม่ค่อยสนใจคำตอบเท่าไหร่ ผมสนใจคำถามที่ถูกต้องมากกว่า”
“คำถามที่ผมมักจะถามตัวเองเสมอเมื่อได้รับงานมา คือถ่ายที่ไหน สถานที่ไหนดี ผมไม่รู้และไม่อยากรู้ว่าจะเป็นภาพอะไร แต่ผมมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งนั้นา คือผมจะรู้ล่วงหน้าแค่ไม่กี่วินาที ผมใช้สัญชาติญาณมากกว่า และสิ่งที่จับใจผมที่สุดในการเลือกสถานที่ก็คือ สถานที่เก่าๆ ที่มีบุคลิกส่วนตัว และมีประวัติศาสตร์”
รอดนี่ย์ สมิธได้พูดถึงเบื้องหลังการทำงานภาพถ่ายขาวดำ ชื่อภาพ A.J.Looking Over Ivy-Covered Wall,Harriman,NY,1994 เป็นภาพคนยืนหันหลังอยู่บนบันได และเป็นภาพที่ทำให้เขามีชื่อเสียงมาก ว่าภาพนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจถ่าย ทุกอย่างมันมาเองโดยธรรมชาติ เรื่องเกิดจากเขานั่งอยู่กับเพื่อนแล้วบังเอิญมีคนเดินยกบันไดผ่านมา เขาก็เลยขออนุญาตใช้บันไดนั้น แล้วให้เพื่อนขึ้นไปยืนหันหลัง สมิธใช้เวลาถ่ายภาพนี้ประมาณ 20-30 วินาที แล้วก็ไม่ได้คิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นภาพที่มีชื่อเสียงภาพหนึ่งของเขา “ผมไม่ชอบถ่ายภาพในเมือง เพราะแสงมันไม่เป็นธรรมชาติ ในเมืองมีแต่กระจกกรองแสงเต็มไปหมด”
ด้วยความประทับใจจากการบรรยายสดประกอบการฉายสไลด์ของ รอดนี่ย์ สมิธ ในวันนั้น ในงานเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายครั้งแรกในกรุงเทพฯ ของ รอดนี่ย์ สมิธ ที่แกลลอรี Timothy Yarger Fine Art ซึ่งนำภาพถ่ายชิ้นสำคัญของเขามาจัดแสดงให้เราชมกัน 30 ภาพ โดยเปิดแสดงตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมที่จนถึงวันที่ 15 กรกฏาคม 2549 ที่ผ่านมา เราจึงเดินทางไปพิสูจน์ของจริงด้วยตาตัวเอง บรรยากาศในวันเปิดงานเป็นอย่างไร เราได้นำลงตีพิมพ์ไป ในฟรีฟอร์มฉบับ 3 แล้ว
ภาพถ่ายที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นภาพขาวดำตามแนวถนัดของ รอดนี่ย์ สมิธ และมีเพียงหนึ่งชุดเท่านั้นที่เป็นภาพสี หลังจากที่เตร็ดเตร่วนเวียนชมภาพถ่ายทั้งหมดในแกลเลอรี่อยู่หลายรอบในวันเปิดงาน พวกเราก็รีบขอนัดสัมภาษณ์ รอดนีย์ สมิธ ผ่านทางแกลเลอรี่อย่างเป็นเรื่องเป็นราวทันที
ในวันนัดหมายอีกสองสามวันถัดมา พวกเราไปถึงจุดนัดหมาย คือแกลลอรี Timothy Yarger Fine Art ก่อนเวลาเล็กน้อย ขณะที่ทีมงานของเราบางคนเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก และยังไม่เคยเจอตัวจริงของ รอดนี่ย์ สมิธ มาก่อน จึงติดพันดื่มด่ำอยู่กับภาพถ่ายสวยงามแปลกตา ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ระหว่างที่ยืนชมภาพถ่ายอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีชายสูงอายุหน้าตาใจดีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาทักทาย ถามไถ่และจับไม้จับมืออย่างเป็นกันเอง จนเมื่อสมิธแนะนำตัวเองนั่นแหละ คนโดนทักจึงรู้ว่า คนที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้านี้คือคนที่ตัวเองรอสัมภาษณ์อยู่ พวกเราเลยกุลีกุจอขอคุยแบบไม่ยอมให้เสียเวลา
แต่เทปยังไม่ทันเดิน คุณแบลล์-ภาวิชญา ภาวิจิตร ผู้จัดการแกลลอรี ก็วิ่งมาบอกว่า ยังสัมภาษณ์ไม่ได้ตอนนี้ เพราะยังไม่ถึงคิวเรา(เลยได้รู้ว่า วันนี้มีนัดหลายคิว) นั่นแหละ ร็อดนีย์ สมิธ ถึงรีบเดินออกไป แต่ยังไม่วายหันมาส่งรอยยิ้มทิ้งท้าย แล้วบอกพวกเราว่าเดี๋ยวเจอกันนะ
ไม่นานนัก ร็อดนีย์ สมิธ ก็เดินกลับมาเข้ามาอีกรอบพร้อมกับรอยยิ้มและการพูดคุยที่อบอุ่นร่าเริงเช่นเคย ร็อดนีย์ สมิธ เป็นผู้ชายที่น่ารักและไม่ค่อยถือตัวเอาเสียเลย วันนี้เขาดูสะอาดสะอ้าน สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า ตรงมุมกระเป๋าเสื้อเชิ้ตมีรอยขาดเล็กๆ เมื่อเขาเสียบแว่นตาลงไป ขาแว่นจึงโผล่ทะลุเสื้อออกมาชี้โด่เด่ ดูตลกเล็กน้อยแต่ก็น่ารักดี หลังจากการแนะนำตัวกันอย่างอบอุ่นกันอีกรอบ เราก็ไม่รีรอที่จะตั้งคำถามเสียเลย
freeform magazine
free your mind,we will make u smile

































